วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

เสียใจ

ช่วงนี้มีแต่คนทำให้เกิดความรู้สึกนี้ ความรู้สึกที่ว่าเสียใจ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับน้ำตาและความท้อแท้

การเกิดเป็นคนนี้มันยากลำบากมากนะ แต่การที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและเป็นคนดี ยิ่งยากเหลือแสน เราได้พยายามมาแล้วตลอดทั้งชีวิต ท้อแท้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ยังไม่ท้อถอยซะทีเดียว อย่างมากพอพักสักหน่อย มีแรงแล้วก็กลับมาสู้กับมันต่อไป

แต่ไม่รู้จะทำแบบนี้ได้ตลอดทั้งชีวิตหรือเปล่า ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำมันทั้งชีวิตด้วย ทำไมไม่มีจุดสิ้นสุดบ้างเลยหรือ? มันน่าจะมีรางวัลของคนสู้ชีวิตมั่งสิ!! ไม่ใช่ว่าสู้ได้ก็สู้มันเข้าไป เหมือนวัวเหมือนควาย ไม่มีหยุดหย่อนจนกว่าจะตาย อันนั้นก็เกินไป

รางวัลที่ว่า คือสิ่งเดียวที่คนอย่างเราต้องการ ไม่เคยต้องการเงินทอง บ้านช่องหรูหรา รถราคาแพง ขอแค่สิ่งเดียว คือ ความรัก แค่นั้น

แต่โลกนี้ขาดแคลนความรักเหลือเกิน ไม่มีเหลือแบ่งปันมาให้เราบ้างเลย คนรอบข้างที่พบเจอก็ล้วนแล้วแต่ต้องการตักตวงผลประโยชน์จากเรากันทั้งนั้น เราต้องให้อีกเท่าไหร่ คนเหล่านั้นถึงจะเพียงพอนะ? มันเป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้จริงๆ

กลับสู่ความรู้สึกเดิมๆอีกแล้ว อยากหลบลี้หนีจากสิ่งที่เคยเป็นอยู่จนบัดนี้ ไปในที่ๆไม่มีใครรู้จัก ห่างไกล และไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เมื่อไหร่นะ ...

หรือว่า การเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างที่เคยเป็นมา อาจจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นบ้าง อาจถึงเวลาที่จะต้องทำเพื่อตัวเองบ้างแล้วละมั้ง?

วันอังคารที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

หาดใหญ่

ได้เวลาตะลอนทัวร์อีกหนึ่งทริปล่ะ ดีใจจัง อย่างน้อยก็ได้ไปหายใจนอกรอบฮึดหนึ่ง ก่อนกลับมาลุยมหันตภัยต่อ
หาดใหญ่และข้ามไปชายแดนมาเลเซียที่ด่านนอก ปาดังเบซาร์
แต่เสียดาย ลืมไปได้ยังไง ไม่มีรูปที่วันไปด่านนอกเลย เพราะมัวแต่ร้อนๆๆๆ เหงื่อออกชุ่มโชก เดินหัวแดงเถือก เลยลืมเรื่องถ่ายรูปไปเสียสนิท
แต่ก็นั่นแหละ ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเรย อย่าไปสนใจดีกว่า ที่ต้องไปเพราะต้องเอาฝรั่งไปแสตมป์ผ่านแดน แค่นั้นเอง เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามากันใหม่ เหมือนไปเดินเล่น เออ..ได้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวมาเลชามหนึ่งด้วย

ออกเดินทางไปเย็นวันศุกร์ที่ 30 เพื่อนหญิงจองรร.ใหม่เอี่ยมไว้ให้ ขอแนะนำเลย น่าอยู่มั่กๆ ราคาถูกสุดขั้ว 520 บาทเอง ไว้เบื่อกรุงเทพอีกเมื่อไหร่ ไปนอนเล่นที่นี่อีกดีกว่า สบายสุดๆ
ความจริงนอกเหนือจากพาฝรั่งๆแสตมป์พาสปอร์ตแล้ว เราเองก็อยากไปเจอเพื่อนด้วย ไหนๆต้องเดินทางแล้ว ก็ไปหาเพื่อนด้วยดีกว่า เลยเลือกไปหาดใหญ่
แล้วก็นี่ไง..วันที่ 1 วันสุดท้ายหลังจากเมื่อวานไปเดินชายแดนซะเกือบทั้งวัน เราก็ได้ไปพลิ้วอยู่ชายทะเลกัน ชายหาดสะมิหราวันนี้ สวยมั่กๆ ไม่อยากเชื่อ เมื่อก่อนไปทีไร ไม่เคยนึกอยากเล่นน้ำ เพราะน้ำจะดำๆ แต่วันนี้ น้ำใส เป็นสีฟ้าแจ่มสุดๆ
แต่ที่ถ่ายมาเนี่ย เป็นตำนานของเกาะแมว เกาะหนู เขานะ มีเรื่องเล่าอ่ะ แต่ยาว ขี้เกียจ ไว้ไปอ่านเองแล้วกัน คิคิ

หญิงแนะนำพาไปโซ้ยอาหารทะเลร้านนี้ เขาสร้างเพิงยื่นออกไปในทะเล แต่น้ำทะเลที่นี่เหมือนน้ำคลองมากกว่านะ ไม่เป็นไร ให้อภัย เพราะอาหารอร่อยมาก ถึงแม้ราคาจะโหดได้จัยก็เหอะ แต่ก็ทำใจ เพราะส่วนหนึ่งเป็นเพราะตอนนี้ราคาอาหารทะเลมันก็โหดทุกที่เหมือนกันล่ะ

วันนั้นถูกใจสุดก็แกงส้มคั่วปูไข่ โห..ใส่ปูใข่มาสองตัวยักษ์ ซดซะไม่มีเหลือเลยค่า ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาอีกล่ะ จะเชื่อมั๊ยเนี่ย? ให้ดูบรรยากาศดีกว่าเนอะ พร้อมนางแบบประกอบฉาก ฮ่า
เหมือนยั่งกะว่ากะลังไปชวนนางเงือกกินสายใหมงั้นแหละ ตาเนี่ย! แต่นางเงือกก็ไม่เล่นด้วยนะ ท่าทาง เห็นป่ะ? หันหน้าหนีเฉยเลย คิคิ
วี้ดดด..มีเซะซี่เล็กน้อย ความจริงจะถ่ายรุ้งบนฟ้าโน่นแน่ะจ้ะ เพราะว่าพอมิตเตลงไปเล่นน้ำแป๊บเดียว ระหว่างที่เรากำลังนั่งเล่นรอกันอยู่กะหญิง ฝนก็เริ่มหยดแหมะๆๆลงมาใส่หัว พอฝนลงหน่อย รุ้งก็มาเลย แล้วมาทีสองสายเลยนะ แต่กล้องจริงๆดันแบตหมด ต้องเอากล้องมือถือถ่าย เรยเห็นได้แค่เนี้ยอ่ะค่า

ใช้เวลาสองวันหมดไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย ช่างผ่านไปไวเหมือนโกหกจริงๆนะ ช่วงเวลาที่มีความสุขเนี่ย

พอนึกถึงเช้าวันจันทร์ และวันทำงานทั้งอาทิตย์ เราก็เหนื่อยอีกล่ะ เห่อ..เบื่อชีวิตกรุงเทพจริงๆจังๆซะแล้วสิ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ปลดปล่อยแบบไม่ต้องมีห่วง มีกังวลกะเขาซ้ากที

บ่นอีกล่ะ ไปดีกว่า ..