วันจันทร์ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

My best friends wedding2

มาเล่ากันต่อภาคกลางคืน งานแต่งงาน แป้งแอนด์นิโค วันที่ 20 กันยายน 2551
พอเสร็จงานเช้า ก็กะว่าจะมีเวลางีบซักครึ่งชม. อุตส่าห์วาดฝันไว้แระ ว่าจะไปแอบมุมไหน แต่กว่าจะออกจากบ้านที่ลำพูนมาถึงเชียงใหม่ได้ ก็หมดเวลาทำอะไรส่วนตัวไปซะทุกอย่างอีกแล้ว ต้องรีบพาเจ้าสาวซึ่งสติแตกไปเรียบร้อย ไปส่งที่ร้านทำผมแต่งตัว ซึ่งช่างยืนยันว่ายังไงเดี๋ยนก็ไม่หอบข้าวของไปแต่งให้ที่รร.เต็ดๆ ชิชิ หยิ่งนะนี่ แต่ยังไงสุดท้ายก็ไม่เสร็จ ต้องตามมาแต่งให้ที่รร.เหมือนในรูปที่เห็นล่ะจ้า

คนเสื้อขาวนั่นเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่ช่าง เสื้อลายๆมุดๆอยู่นะแหล่ะช่าง และนี่คือเบื้องหลังความงามของเจ้าสาวแป้ง ฮี่ๆๆ ไม่มีกล้องไหนตามแอบถ่ายได้ลึกเท่าปาปารัซซี่มี่ อีกแย้ว

แต่งกันเสร็จก็ลงมาอวดโฉมความหล่อ ความงาม เริ่ดมากค่า คุณเพื่อนทั้งสอง แต่กว่าจะได้ขนาดนี้ เล่นเอาเพื่อนๆเหนื่อยกันไปเป็นแถบๆ เห่อ..

จากนั้นก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตอนแรกยืนข้างเจ้าสาว แต่เข้าไม่ถึงตัวมัน เพราะสุ่มคุณเทอกันไว้อย่างแน่นหนา เลยต้องย้ายมายืนข้างเจ้าบ่าว ก็ดีเหมือนกัน เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเรย เอ้ย..ม่ะช่ายย เอิ๊กๆๆ
หน้าที่ของเพื่อนเจ้าสาวตอนกลางคืน ก็คือเดินตามไปส่งเจ้าสาวเข้าไปหาเจ้าบ่าวเพื่อขึ้นเวทีพร้อมกัน เลยต้องมีการบอกบทกันเล็กน้อยว่าให้เดินยังไง ย้ายก้นมากน้อยแค่ไหน อ้าว..ไม่ช่ายอีกล่ะ
แหมๆ..ขอโพสหน่อยนะจ๊า พอมาดูอีกที ทำไมเราทำท่าเหมือนฝันหวานยังไงไม่รุ? อ้อ..บอกไปหรือยังว่าเขาจัดงานกันที่รร.อิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ แต่แนะนำว่าอย่าได้ไปจัดกันอีกเลย เพราะค่อนข้างห่วย ถ้าไปพักเฉยๆไม่น่าเป็นไร แต่ตัวทำเสียก็คือ เซลส์ที่ขายงานนี้แหละ ไม่ได้เรื่องเรย ทำผิดพลาดเยอะมากจนไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นรร.ระดับสี่ดาวครึ่ง
ไหนๆก็ไหนๆนะ ขอเอาเจ้าบ่าว-เจ้าสาวเป็นฉากหลังหน่อยแล้วกัน ฮี่ๆ ทำช้านเหนื่อยมาเยอะแระ ต้องเป็นตัวประกอบให้ช้านมั่ง พวกแก
ภูมิใจนำเสนอมาก กล่องที่ลงทุนแบกไปให้มานที่งาน เพราะถ้าเผื่อไม่มีกล่องใบนี้ งานหมดความงามไปเยอะทีเดียว ก็กล่องที่ทางรร.เตรียมไว้ให้ น่าเกลียดมากน่ะสิ ดูราคาต่ำสุดๆ ทั้งๆที่แพงกว่าของเราเท่ากว่าๆ เอ๊..ดูไปดูมา เราก็ดูดีกับสีชมพูเหมือนกันโนะ(แอบหวานซ้า)
ถ่ายกะน้าแดง คุณน้าผู้น่ารักของแป้ง ให้ที่พักพิงและดูแลอาหารการกินเป็นอย่างดีเริ่ด น้าแดงทำน้ำพริกหนุ่มและอื่นๆให้กิน อร่อยมากกกก แถมยังมีเจ้าสองตัวแสบให้ป่วนอีก เด่วค่อยเอาโฉมหน้ามาอวดวันหลังอีกที วันนี้ขอบคุณน้าแดงไว้ ณ ที่นี้ก่อน ขอบคุณมากๆเจ้า

มีวิดีโอมาให้ยลเหมือนกัลล์ แต่ไม่ค่อยมีรัยมาก เพราะคนถ่ายไม่ค่อยชินกล้อง จับภาพไม่ค่อยเป็น เสียดายเล็กน้อย ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดีแระ อันนี้เป็นตอนที่กำลังจะเดินเข้าไปส่งตัวเจ้าสาวเพื่อขึ้นเวทีไปกะเจ้าบ่าว ไม่เห็นตื่นเต้นเลยอ่ะ เอ๊ะ..หรือว่าเราไม่ใช่เจ้าสาว เลยเฉยๆ อ่ะ..แน่นอนอ่ะเดะ

จบงานตอนกลางคืน ก็กลับมานอนบ้านน้าแดงต่อ แต่ขอบอกว่า หลับเป็นตายค่ะคืนนี้ ถึงแม้จะมีเจ้าตัวป่วนสองตัวก็เหอะ มิมีทางทำไรช้านด้าย...

วันพุธที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

my best friends wedding

คิดถึงไดนะเนี่ย แต่กว่าจะได้มาอัพ เรื่องราวก็ผ่านไปเรียบร้อยหมดแล้ว ดีเหมือนกัน ไม่ต้องลุ้นว่าจะเป็นยังไงเนอะ

ช่วงที่ผ่านมาวิ่งวุ่นอยู่กับการทำงานและเตรียมตัวไปช่วยงานแต่งงานของเพื่อนร้ากที่คบกันยาวนานที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เกิดมาก็มีมันเนี่ยแหละที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่คบกัน รักกัน เอาใจใส่กันเสียยิ่งกว่าใคร และที่สำคัญนับเวลาตั้งแต่รู้จักเริ่มเป็นเพื่อนกันจนบัดนี้ ทั้งนิ้วมือและนิ้วเท้าเราคนเดียวไม่พอแน่นอน ต้องสามคนแล้วค่ะ ช่าย..23 ปีกว่าแล้วจ้าที่เป็นเพื่อนกันมา ว๊ายย..ไม่น่าเชื่อ(ป่าวน้า..อย่ามาว่าว่าเราแก่ ให้เข้าใจว่าเราคบกันตั้งแต่เด็กๆสิยะ)

วันนี้เรามีความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งดีมากๆ และไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้อีกหรือป่าว ยินดีอย่างจริงใจนั่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ยิ่งกว่านั้น..ความภูมิใจกลับมีมากยิ่งกว่า เพราะอะไรน่ะหรอ?

...ไม่ใช่แค่เพราะเราเป็นเพื่อนกันแค่นั้นหรอก แต่เพราะเราเป็นเพื่อนคนเดียวที่อยู่กับเจ้าบ่าว-เจ้าสาวในวันแรกที่เขาได้พูดคุยกันและวันต่อๆมา!!! สำคัญที่สุดคือเราเป็นตัวกลาง(ซึ่งไม่ใช่แม่สื่อซะทีเดียว) หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นล่ามให้พวกเขาได้แนะนำตัว พบปะ พูดจากันจนเกิดความสนิทสนมขึ้นได้ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นอาชีพอิช้านนะคะ เหตุบังเอิญทั้งหมดทั้งมวลค่า เรื่องมันยาว แต่เล่าสั้นๆก้อได้นะ

ดูรูปไปพลางๆด้วยดีกว่า เจ้าสาวแป้งแต่งหน้าทำผมแต่งตัวกับช่างหมออุ๋ย พอเสร็จก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย

เรื่องสั้นความรักของแป้งกับนิโค เกิดขึ้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏ์ธานีโน่นค่ะ เจ้าสาวน่ะเป็นคนเหนือ แต่ตอนนั้นไปช่วยงานพี่ชายบริหารรีสอร์ทที่หาดเฉวง เจ้าบ่าวเป็นหนุ่มเยอรมันที่อยากเอาตังส์มาใช้เล่น จึงชวนเพื่อนสนิทมากันสองคน เช็คอินน์เข้าพักทีรีสอร์ทจุดเกิดเหตุ ส่วนอิช้านก้อเป็นเพื่อนที่เหนื่อยหน่ายกับการงานที่กรุงเทพเหลือแสน จึงขอลางานไปนอนเล่นริมชายหาดช่วงนั้นพอดีเป๊ะ เช็คอินน์เข้าห้องนังแป้งช้ากว่า 2 หนุ่มนั้นแค่ 2 วันเอง อ่ะ..แสดงว่านี่ถ้าช้านไม่ไปนะ มานอาจไม่ได้มีวันนี้ก็ได้ เพราะสองวันก่อน ไม่มีใครกล้าเริ่มพูดกับใครเป็นเรื่องเป็นราวซักที

คุณเจ้าสาวบอกว่าชอบรูปนี้มากกก ฝืมือถ่ายดี อิอิ

อ่ะ ต่อ..มาวันที่เราไปถึง นังแป้งน่ะเริ่มสะกิดแล้ว คงแอบปิ๊งๆกันไว้ในใจ พอเรามาก็รีบกิ๊กกั๊กกันตามประสาหยิงๆ แล้วก็เป็นไปตามสูตร ทั้งสองเอาเพื่อนชายกะเพื่อนสาวมาเป็นสื่อสายฟ้า ไอ้เรารึก็ตามใจเพื่อน(ฮี่ๆ ความจริงก็ปิ๊งเพื่อนนิโคแร้วเหมือนกัลล์) ด้วยความที่ภาษาอังกฤษลื่นไหลใช้ได้ เหตุการณ์จึงลงล๊อคเป๊ะๆๆๆ สองคู่ชู้ชื่น ฮ่า...คู่แป้งกะนิโคน่ะคบกันมาถึงวันนี้ 7 ปีกว่า แต่คู่เรากะไมเคิล คบกันได้เต็มที่ไม่ถึง 7 วัน เอิ๊กๆๆๆ

คุณเจ้าสาวนอนไม่หลับค่ะ ปลุกคุณเพื่อนตั้งแต่ตีสี่กว่า เอ้า..เพื่อเพื่อน อิช้านก็ต้องลุกจากที่นอน น้ามก็ไม่ต้องอาบ เพราะต้องรีบขับรถพาเจ้าสาวไปแต่งตัวที่ร้าน อ้อ..งานเช้าเนี่ยเขาจัดกันที่บ้านเจ้าสาวที่ลำพูน ซึ่งอยู่ห่างจากเชียงใหม่ประมาณ 40 กว่ากิโล ช่วงนี้พวกเราเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนกันมั่กๆค่ะ ค่ำไหนนอนนั่น
บ้านงานค่ะ ร่ายชื่อตั้งแต่มุมซ้าย สองคนตากล้องนั่นไม่รู้จักชื่อ คนนั่งชื่อพี่เจ๋ง แก็งเดียวกันนอนห้องเดียวกัน เพื่อนเจ้าบ่าวคือพี่หว่อง พี่ชายที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทจุดเกิดเหตุนั่นเอง คนนั่งไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ เจ้าบ่าวนิโค เจ้าสาวแป้ง เพื่อนเจ้าสาวคนเช้าคือปุ๊ก เพื่อนสนิทอีกคนที่แป้งคลุกคลีอยู่บ้านเขาด้วย สุดท้ายคนริมก็อิช้านเอง คอยแจกของชำร่วยเจ้าค่ะ
งานทางเหนือเขาก็จะทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ เพราะผ่านงานหมั้นมาแล้วสองปี จึงไม่มีพิธีหมั้นอีกให้เหนื่อย คนที่กำลังผูกอยู่นั่นก็คงยังงงๆอยู่ เพราะเป็นแม่เจ้าบ่าวที่เดินทางมาจากเยอรมันด้วยกันน่ะ น่าสงสารแม่แกเหมือนกัน พูดกะใครไม่เป็นเรย คุยรู้เรื่องแต่กับลูกชายลูกสะใภ้เท่านั้น เพราะเป็นแต่ภาษาเยอรมัน อันนี้ก็ช่วยยากนะคระ เพราะอิช้านจนปัญญากะภาษานี้ค่า

ผูกกันเสร็จหมดทุกคน อ่ะ..ฮ้า อิช้านก็ได้ผูกนะเคอะ ไม่ใช่ว่ายืนทำงานอย่างเดียว ญาติผู้ใหญ่ก็จะมาลากทั้งคู่ที่มือโดนมัดติดกันแบบนั้น เดินเข้าห้องหอปาย...ห้องหอห้องเช้าของทางบ้านจัดไว้ ห้ามคนอื่นนั่งเด็ดขาด ต้องบ่าว-สาวเท่านั้น แล้วพ่อแม่บ่าว-สาว ก็เข้ามาแกะบายศรีให้ อวยพรอีกครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี ช่วงเช้า....

เห่อ..งานมันมีหลายขั้นตอนนะ เอางี้ดีกว่า เล่าวันเดียวไม่หมด เก็บไว้มาเล่าต่ออีกดีกว่าเนอะ เอาแค่นี้ก่อนแล้วกันวันนี้

วันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

รำมาเลย์

ได้ไปดูโชว์ตอนดินเนอร์ที่ KL มาตั้งแต่ปีที่แล้วๆล่ะ แต่ลืมเก็บรูปมาฝาก ไปคราวนี้เลยได้ถ่ายมาเป็นวิดีโอเลย ดูๆไปก็เหมือนรำไทยแหละเนอะ เพียงแต่ชุดนี้เขาบอกว่าอลังการกว่าชุดอื่นๆ แต่เราว่ายังไงๆก็สู้รำกระบี่กระบอง รำพ่นไฟ รำสุดอลังฯต่างๆนาๆของเมืองไทยเราไม่ได้อยู่ดี ลองดูกันเอาเองแล้วกัน



เป็นไงล่ะ เดะๆ เนอะ ..

วันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

เป็นหวัดง่ะ@_+

พอพิมพ์คำว่าเป็นหวัดขึ้นมา ตัวหนังสือเก่ามันก็โชว์ขึ้นมาทันที ว่าเราเคยเขียนเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

แต่ก็ต้องเขียนอีก เพราะตอนนี้มันมาอีกแล้ว เป็นหวัดงอมแงม หลังจากการที่ลงไปแช่ในน้ำเย็นเจี๊ยบสองวันที่มาเลฯ ได้ผลทันที เหมือนตอนที่ไปแช่ในทะเลดำของบัลกาเรียเลย น้ำมูกมาทันที แถมด้วยมึนหัวตึ้บ อาการเดียวกัน ไอแห้งๆ แต่เจ็บคอใช่เล่น นี่อุตส่าห์รีบกลับมาหาหมอทันที วันนี้กินยาเข้าไป ยิ่งเวียนหัวใหญ่ ไปไหนไม่ได้เรย กลับบ้านนอนตั้งแต่บ่ายสองจนถึงหกโมงเย็น ตื่นมาหิวโซ แต่พอกินข้าวกินยาเข้าไป มึนหัวอีกแล้ว โอ๊ย..เบื่อ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย แง...

น้ำมูกยังไม่หยุด แถมมีอาการใหม่เกิดขึ้น คือเมื่อวานตอนอยู่บนเครื่อง มีอาการหูอื้อ อื้ออย่างแรงจนปวดแก้วหูเลย พยายามทน หายใจลึกๆ เข้าออก ๆ แต่ลงมาตั้งนานก็แล้ว ยังไม่หาย จนถึงบ้านอาบน้ำนอนก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอื้อๆอยู่เลย ไม่เคยเป็นแฮะ ตอนอยู่บนเครื่องหูแทบไม่ได้ยินอะไรเลยอ่ะ ทรมานไปอีกอย่าง เห่อ...

พยายามนอนเยอะๆดีกว่าเนอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปทำงานได้ วันนี้อุตส่าห์เตรียมจะไปทำงานแล้วเชียว แต่ก็ไม่ไหว ไปธนาคารกับโรงพยาบาลเสร็จ มาจ่ายตังส์ที่เคทีซีอีกหน่อย เดินไม่ไหวแล้ว ต้องรีบขับรถแบบหุ่นยนต์กลับบ้าน แบบนั้นจริงๆนะ เพราะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย นั่งเหมือนหุ่นยนต์มากๆ นี่ถ้าขับไกลๆสงสัยได้เรื่องแน่นอน

ไปอาบน้ำนอนเร็วๆดีกว่า ต้องดูแลตัวเองหน่อย ไม่มีคนคอยดูแลก็เงี้ย ... งือ