วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

บ้านใหม่แต่ใกล้กว่า

ไปเที่ยวบ้านใหม่เขากันป่าว??? ตามมาๆ ... เร้วววว...

อ้าว..ยังไม่ได้เปิดประตูเรย เข้ามาได้ยังไงอ่า?

งั้นเข้ามาแล้ว ก้อ..นั่งก่อนเรยจ้า
หรือว่าจะดูทีวีด้วยกัน เอาเรื่องไรดีอ่ะ? ช่องการศึกษาก็มีนะจ๊ะ

เอ๊..รอยเท้าครัย???

น่ารักมากกก ภูมิจัย ได้มาจากตลาดน้ำอัมพวา แต่ว่ายังไม่ทันไร ทำท่าจะตายแระ

หรือว่าเอามาไว้ในห้องน้ำ ต้นไม้มานเหม็น ชิ..ม่ะช่าย อารายจะขนาดน้าน

เขามีตุ๊กตาเน่าๆอยู่สองตัวด้วยล่ะ พื้นข้างซ้ายยิ่งเน่ากว่า ปลวกกินง่ะ ยังไม่ได้ซ่อมเรย รออยู่

วิวจากหน้าต่างบ้านเรา 380 องศา ว่าปาย

อันนี้ตอนกลางวัน ที่ไม่ค่อยจะมีแดดเท่าไหร่ ให้ทายว่าแถวไหน?

อันนี้วิวตอนกลางคืนที่มีฝนตกพรำๆ เฉลยให้ก้อด้าย..ที่มองไปเห็นนั่นน่ะ กลางเมืองกรุงบริเวณรัชดาภิเษกไปยันสุขุมวิทเรย

เวลาอยู่บ้าน ถ้าไม่อยากถูกแอบถ่าย ต้องปิดม่านแบบนี้ล่ะ อุ๊ย..เขาจะมีคลิปเป็นของตัวเองป่าวเนี่ย? คิก
มุมนี้ชอบมากกก ทำอาหารกินกันดีกว่า มา..มะ(ม่ะช่ายทำมาม่าเป็นอย่างเดียวน้า)

ครัวยังโล่งๆอยู่เรย เพื่อนกินข้าวก็ขาด ครัยสนใจมั่ง?

พยายามรักษาความสะอาดสุดชีวิต ถูบ้านอาทิตย์ละครั้ง(ถ้าไม่ลืม) แต่บ้านยังซ่อมไม่เสร็จอ่า ทำอะไรก็ไม่เต็มที่ ตู้ก็ยังไม่ได้ซ่อมเรย เสื้อผ้าไม่มีที่จะใส่ ต้องแขวนราวไว้ก่อน แง..ไม่ชอบเรย เมื่อไหร่จะเสร็จๆฟระ? หลายเรื่องกันจริง จริง
แต่ยังไงก็ย้ายเข้าไปอยู่แร้ว หวังว่าเรื่องราวจะเรียบร้อยโดยไว ไม่ทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้ อยากเรียนเชิญเพื่อนๆ น้องๆ ไปปาร์ตี้กันในเร็ววันนี้จังเรยล่ะ วู้วว..

วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ตัดแร้ววว

เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก ตอนนั่งถ่ายรูปนี้ เราอยู่ที่กาดสวนแก้ว เชียงใหม่ กำลังผมยาว สลวย สวยเก๋(อ่ะป่าว?) รู้แต่ว่า ยาวเยื้อยยย พอบอกคนรอบข้างว่า ที่ยาวๆ อ่ะ "ผมคนอื่น ขอยืมเขามา" เพื่อนๆทำท่าสยอง ยื๊อยย..กันเป็นแถบ ฮี่ๆ

เขาก็ให้ยืมมาใช้ได้ตั้งนานนะ ตั้งสี่เดือนกว่าแน่ะ จนทนรอไม่ไหว ยุทธการแกะ ทึ้ง จึงเริ่มขึ้นด้วยมือของข้าพเจ้าเอง กว่าจะกำจัดไปได้หมดทั้งหัว เล่นเอาเมื่อยมือ เมื่อยแขน ตั้งสอง-สามวันเชียว จะไปให้ช่างดึงให้ ก็กลัวเขาจะทึ้งจนหัวหลุด ต้องค่อยๆแกะเอง สัญญากับตัวเองเรยว่า จะไม่ได้ต่ออีกจนกว่าจะครบหนึ่งปี หรือมากกว่านั้น ผมเสียไปตั้งเยอะเรย

และแล้ว .. เมื่อโยนผมคนอื่นทิ้งลงถังขยะไปเรียบร้อย เพราะไม่รู้จะไปคืนที่ไหน จึงนั่งกังวลกับการจะสรรหาทรงผมใหม่อีกครา เพราะตอนแรกที่ดึงออกหมด โห..โล่งไปเรย โล่งจริงๆ ผมบางงง เบา หายไปหมดหัวเรยค่า หรอมแหรมสุดๆ แถมยังเสียๆแตกปลายเต็มไปหมด เกือบทนให้หมดวันไม่ได้แน่ะ วันอังคารที่รอนั้นช่างเป็นวันที่ทรมานและยาวนานสิ้นดี เห่อ..วันพุธเขาห้ามตัดผมหรอ ไม่สนจัย ต้องจัดการให้เรียบร้อย

ทรงนี้ได้มาจากร้านตัดผมในห้างคาร์ฟู พระรามสี่ เดินๆไป ไม่รู้จะเจอหรือป่าวหรอก แต่ผ่านแถวนั้นพอดี และไม่มีเวลากลับมาตัดแถวบ้าน เออ..แต่โชคดีแฮะ เจอช่างเก่ง ออกแบบให้ด้วย เพราะเราเองยังไม่แน่จัยเรยว่าจะตัดแบบไหนดี วันแรกที่ตัดออกมา ไดร์เสร็จ เปรี้ยวจี๊ดดดเรย ขอบอก ฮ่า

เห่อ..มีความสุขจัง ได้ผมสวยถูกใจในราคาสามร้อยบาทเท่านั้น คราวหน้าไปตัดที่นี่อีกดีกว่า ของเขาดีนะ เห็นว่าเป็นช่างเรียนจากทีมชิเชโด้ แต่ผมเก่าที่ดัดไว้ มันยังขจัดออกไปไม่หมดเรยอ่ะ พอไดร์เอง มันก็ไม่เรียบและชี้โด่เด่อยู่ข้างๆ ไม่เป็นรัย นิดหน่อย เอามือคอยจับเอา อิอิ
เรยได้เอาบรรยากาศโล่งๆในที่ทำงานมาให้ดูด้วย นั่งทำงาน นั่งกินข้าว นั่งถ่ายรูป อยู่ที่เก้าอี้ตัวเดียวกันนี่แหละ
ช่วงนี้ไดเงียบเหงาจัง ไม่มีเพื่อนๆแวะเวียนมาทักทายกันมั่งเรย คิดถึงทุกคนจัง หายไปไหนกันหมดนะ?

วันอังคารที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

หาดบางกรูด อ.บางสะพาน

เพิ่งเคยไปมาเนี่ยแหละ ลองควานหาไปเรื่อย กะจะไปเกาะเล็กๆ หรือไม่ก็หาดเงียบๆ เจอที่นี่พอดี ตอนแรกอยากไปนอนเกาะทะลุมากกว่า แต่ว่าไม่ได้จองล่วงหน้า เขามีรีสอร์ทบนเกาะที่เดียว แล้วต้องมีเวลาอย่างน้อยสามวันเต็มๆ เพราะเขาขายเป็นแพกเกจ เรามีเวลากันไม่พอขนาดนั้น จึงได้แต่ไปใกล้ๆ ชายหาดบ้านบางกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปากทางเข้าจ.ชุมพรแล้ว
เขาบอกว่าที่นี่ยัง Unseen อยู่มาก สังเกตุได้จากรูป(ที่ไม่ค่อยชัดและสวยเพราะดันลืมเอากล้องไป ต้องใช้มือถือถ่าย ไม่ได้เรื่อง) แต่ว่าสถานที่จริง รับรองว่าเงียบสงบและเป็นธรรมชาติสุดๆ ถึงแม้คืนที่สองจะมีกรุ๊ปทัวร์คณะใหญ่ไปพักที่เดียวกันกับเรา แล้วก็จัดเวทีแสดงกันตอนกลางคืน ก็ยังไม่รู้สึกว่าพลุกพล่านเลย เราสี่คน แป้ง นิโค มิตเต เรา จึงอยู่กันอย่างสบาย ชิวชิว
มีอุปสรรคกันก็วันเดินทางไป ดันซวยไปเจอเขาประท้วงปิดถนนช่วงกุยบุรียาวตลอดไปถึงทับสะแก ต้องไปอ้อมภูเขาเล่น ทัวร์ไร่สัปปะรดกันสามชม.ครึ่ง กว่าจะไปถึงรีสอร์ทปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่ง จากที่คาดไว้ว่าแค่หกโมงกว่า เพราะออกจากกรุงเทพกันบ่ายสามโมงกว่าเอง นัดเจอแป้งกะนิโคที่ถนนพระรามสองแล้วด้วย ทำเวลากันน่าดู ดั๊นน..มาอ้อมภูเขาเล่นซะนี่ นี่ถ้าเผื่อจองไปเกาะทะลุนะ ไม่ต้องพูดถึงเรย ตกเรือ นอนแอ้งแม้งกันอยู่ชายหาดแน่ๆ
น้ำทะเลไม่ใสแจ๋วเหมือนอยู่เกาะเท่าไหร่ แต่ก็จัดว่าโอเค เล่นได้เป็นชั่วโมงๆ ตื่นมาเช้าวันแรก ไม่รู้ตื่นทำไมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ก็เลยลุยไปเล่นน้ำกันแต่เช้าก่อน สบ๊าย..สบายล่ะ เปรียบเสมือนสระส่วนตัวยังไง ยังงั้น อิอิ
บ้านหลังที่เราอยู่กัน เป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดของรีสอร์ทศาลาไทยนี้ มีสองห้องนอน ห้องนั่งเล่น ระเบียง อย่างที่เห็น อยู่ใต้ต้นไม้ ร่มรื่นสุดๆ แล้วก็นะ ราคาไม่น่าเชื่อ น่าเวบ 3,000 บาท ต่อเหลือ 2,400 บาท แสดงว่าหารสอง เหลือห้องละ 1,200 บาทเท่านั้นเอง ถูกเหลือเชื่อ ความจริงเขาให้นอนได้ถึงหกคนนะ แต่เห็นหลังข้างๆ นอนกันมากกว่าอีก
มองจากรีสอร์ทไปก็จะเห็นปราสาทหลังนี้อยู่บนยอดเขา ความจริงเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาต ตัววัดปลูกสร้างอย่างประณีตบรรจง เพราะเป็นพระอุปถัมภ์โดยสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอบอกว่า สวยงามจริงๆ ยิ่งตอนเดินอยู่ข้างใน รู้สึกอย่างกับเป็นเจ้าหญิงแน่ะ คุคุ เนี่ย..และเจ้าหญิงก็เดินออกจากห้องบรรทม ออกมายืนรับลมที่ระเบียง ได้ยินเสียงสองสาวคนไทย หู ฮ้า ฮู้ ฮ้า สวยๆๆๆๆ กันไม่หยุดปากเลย มองออกไปเห็นเป็นทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เหมือนในหนังจักรๆวงษ์ๆอ่ะ
ขากลับเย็นวันอาทิตย์ เราได้ขับแวะไปโฉบเล่นกันที่หาดท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะทะลุ กะจะไปหาของกินกัน แต่ก็ไม่มีร้านเปิดเลย เพราะไม่มีคน สงสัยว่าตรงที่เราเข้าไปมันจะเป็นเพียงสะพานปลา ตลาดสดของทะเลเท่านั้น ฮ่า.. ไม่เป็นรัย เสบียงตุนไว้เยอะ ขับกลับมากินกันที่อัมพวาเลยตอนมืดก็ด้าย แวะเดินชอปที่ตลาดน้ำอัมพวา บ้านขนมที่ขอชิมได้จริงก็แต่ไอติมแท่งนั้น นอกนั้นของปลอมจ้า
มื้อใหญ่จริงๆ เรานัดเจอเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่ๆ ที่รีสอร์ทของเพื่อนพี่หว่องกัน อันนี้ก็unseenอีกมากๆค่ะ ทางเข้าไปนี่ ไม่นึกเลยว่าจะมีใครรู้จัก แต่ก็เต็มค่ะ พี่กุ้งเจ้าของรีสอร์ทสั่งปู กุ้ง กั้ง หมึก ปลา ไซส์ใหญ่ยักษ์มั่กๆ ไว้ให้พวกเรา อารามหิวและก็ลน เลยไม่มีรูปมาฝากอีก แฮ่ะ มื้อนั้น อย่างอิ่มสุดๆ อร่อยหากินยากอีกต่างหาก หารกันคนละสามร้อยเอง ว๊าวว.. กลับถืงบ้านเที่ยงคืนเรย นอนอิ่มถึงพรุ่งนี้แน่ะ

วันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

หัวหินเมื่อต้นเดือน

นึกอยากไปเที่ยวทะเล ก็ไม่รีรอ กระโดดขึ้นรถขับไปกันเรย ไม่ต้องจองที่พักกันก่อนอีกต่างหาก ไปมาเมื่อวันพุธวันที่หนึ่งพอดี ไปถึงก็มืดค่ำแล้ว เพราะกว่าจะออกจากกรุงเทพฯก็ห้าโมงเย็นโน่น อีกอย่าง ตอนแรกกะว่าจะไปนอนที่ปราณบุรีนะ ไม่ใช่หัวหิน แต่พอไปถึงปราณบุรีมันมืด แล้วหาที่พักไม่เจอ ฮ่าๆ เลยต้องขับกลับมาที่หัวหิน พักที่หัวหินแกรนด์ สบายใจกว่าเยอะ คนพลุกพล่าน ตลาดยังไม่วาย

ไม่ใช่ภาพถ่ายจากดาวเทียมของกูเกื้ลนะ แต่นี่เป็นวิวที่มองจากหน้าต่างห้องชั้นสิบห้าลงมาที่ตลาดหัวหินแกรนด์ จะเห็นว่าคนยังคึกคักกันอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะสองทุ่มเข้าไปแล้ว
แล้วก็หิวสิ หาร้านที่ใกล้ที่สุดนั่งก่อนแหละ ก็ที่รร.นั่นแหละ หมูจุ่ม ทะเลจุ่มเขา น้ำจิ้มแซ่บมั่กๆ หูย..นึกแล้วยังน้ำลายไหล แต่ฝรั่งน้ำตาไหลค่ะ กินไม่ได้ น่าสงสาร เอิ๊กๆๆ
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันชายทะเลที่สงบเงียบ ยกเว้นก็แต่เสียงโทรศัพท์ของอิช้านที่ยังไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ อ้าว..ก็หนีงานไปนิ จะสงบได้งัย อิอิ แต่เที่ยววันธรรมดา ดีกว่าวันเสาร์ทิตย์เยอะแยะ ไม่ต้องไปยุ่งกะใครให้เมื่อย แต่ก้อยังมีพ่อค้าแม่ขายแวะเวียนมาเสนอสินค้าไม่ห่างหายอยู่นะ มีอยู่รายหนึ่ง แหม..ตอนแรกก็สนใจดีหรอก เพราะเป็นผ้าผืนใหญ่ๆ แต่คุยไปคุยมา มาถามว่าเราท้องหรือป่าว เอ๊...ยังไง?? ท้องเขาก็ไม่ใหญ่โตอะไรขนาดน้านนะยะ โห..ยืนยันด้วยรูปเรย นี่!! เรยไม่ซื้อมานเรย ชิชิ(ถ้าท้องจริงจะไม่ว่าเรย เห่อ..)
แล้วก็ไปเที่ยวเขาตะเกียบ อยากปีนขึ้นไปข้างบนนะ เห็นว่าสวยมาก แต่ไม่มีเวลา และแรงพออ่ะ เพราะคิดว่ากว่าจะไปถึงก็คงเย็น กว่าจะลงมาอีก เด่วขับรถกลับบ้านจะน่องปูดกลางทางซะก่อน
ไปหัวหินทั้งที ฝรั่งก็ตื่นเต้นกับสถานีรถไฟเป็นธรรมดา เพราะสถานีหัวหินเขาสวยเนอะ ไม่เน่าเหมือนสถานีอื่นๆ เก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย

ตอนนี้ชีวิตก็ค่อนข้างลงตัว แต่ก็ยังไม่มั่นคงเท่าไหร่ เอ๊ะ..ยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดไว้ก่อน ตกลงใจซื้อคอนโดต่อจากโอโต้ซังแล้ว ยื่นเรื่องกู้ไปเรียบร้อย รอผลอีกนิดหน่อยแค่นั้น แล้วก็ย้ายเข้าไปอยู่แล้วด้วย ทั้งที่ต้องซ่อมพื้น ซ่อมตู้ แล้วก็ผนังกะฝ้าอีกเล็กน้อย เอาน่า..ค่อยๆทำไป ไม่เยอะแยะมากมายหรอก เด่วถ้าเสร็จแล้ว เรียนเชิญพ่อแม่พี่น้องไปเที่ยวได้นะจ๊ะ อ้อ..บ้านเขามีครัวด้วย จะทำอาหารอร่อยๆไว้ให้หม่ำเต็มที่จ้า..

วันศุกร์ที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ผองเพื่อนตัวแสบ

ไปเชียงใหม่คราวนี้ ได้พบเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายตัวเรย อ่ะ..เป็นตัวๆจริงๆนะ เริ่มจากเจ้าตัวนี้ก่อนเรย

เจ้าตัวที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่นี่ ดูเหมือนจะเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย แต่ป่วนที่สุดก็ว่าได้ เขาชื่อ จูจุ๊บ จ้า เป็นแมวลูกผสม พ่อเป็นเปอร์เซีย แม่เป็นแมวไทย เลยออกมาเป็นแบบเนี้ย ขนสุดนุ่ม จับแล้วไม่อยากปล่อยเรย

เวลาเขานอน ก็จะได้ท่าสุดๆแบบนี้ล่ะ แต่ขอบอกยังเป็นเด็กเป็นเล็กอยู่แท้ๆ เพราะยังไม่ถึงขวบเรย แต่นอนขี้เซาซะแล้ว เจ้าตัวขนเยอะตัวนี้ก็แสบใช่เล่น ตอนแรกยังไม่ทันเปิดประตูเข้าบ้านน้าแดงเรย เห่าเสียงขรม ทำท่าเหมือนดุมากมาย ชิชิ ไหนได้ เรียกร้องความสนใจต่างหาก เขาชื่อ ชีโน่ จ้า
ชีโน่เป็นลูกร้ากของน้าแดง เรยได้จัย ตามข่มเจ้าจูจู๊บตลอด แต่ก็ไม่มีใครยอมใครล่ะ บางทีก็โดนถึบไปเหมือนกัน อิอิ
เนี่ยแหละ สถาพเวลาเขาวิ่งหนี หรือวิ่งเล่นกัน เจ้าจุ๊บแปลงกายเป็นเจ้าแมงมุมไต่ฝาบ้านได้ด้วย ฮ่า..

เล่นเสร็จแล้วก็เหนื่อย นั่งพักกันหน่อย เวลาขอถ่ายรูปก็นั่งมองกล้องนิ่ง อย่างกะนางแบบมืออาชีพงั้นแหละ
เห่อ..ขอนางแบบนอนพักหน่อยนะ โพสท่าเหนื่อยมากค่ะ
ตอนเรียกให้ถ่าย ก็จะหันมามองกล้องกันแบบเนี้ยแหละ น่ารักจริงๆ อยากอุ้มกลับมากรุงเทพด้วยซะจริง แต่กลัวน้าแดงตบตาย เอิ๊กๆๆๆ แถมด้วยเจ้าแพะน่าร้ากอีก นี่ไม่ได้เลี้ยงในบ้านน้าแดงนะ แต่ว่าพวกเขาอยู่กันที่หน้าปากซอย ก็คงเป็นของคนแถวบ้านนั่นแหละ ตอนขับรถผ่านเห็นนั่งเล่นกันอยู่ห้าตัว เลยขอลงไปเล่นด้วยหน่อย ขอถ่ายรูปก็ยืนโพสท่าให้ถ่ายแบบเนี้ย นี่ๆ ต้องมีรูปด้วยกันหน่อย เจ้าจูจู๊บ ไหนๆ ก็เข้ามาป่วนช้านทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอนเลย น้องเขาจะมีนิสัยแปลกอยู่อย่าง คือชอบจุ๊บปาก จุ๊บแก้มคนนอน เหมือนชื่อเขาแหละ แต่ถ้าเป็นคนกำลังง่วงๆแบบที่ต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวอย่างช้าน จู๊บก็ทำเกินปายนะ ..
วันนี้มีแต่เรื่องหมาๆ แมวๆ น่ารักๆ ชุ่มฉ่ำๆ ในวันฝนตกนะจ๊ะ ถ้าใครเข้ามาอ่านวันไหนก็ให้สุขสันต์กันวันนั้นแหละจ้า ...
อ้อ..เขาจะบอกว่า ตอนนี้ไม่มีเนตที่บ้านใช้ แถมที่ทำงานก็เอาโปรแกรมเอมเอสเอนออกไปเสียแว้ว ด้วยสปิริต ก็เลยต้องใช้โปรแกรมของบริษัทแทน งิงิ ใครอยากคุยก็ฝากข้อความไว้นะจ๊ะ จู๊บๆๆ