วันเสาร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
วันที่เงียบเหงา
เพราะมันไม่เหมือนวันอื่นๆ และเราก็ไม่อยากให้มีวันอื่นที่เราจะมีความรู้สึกอื่นใดอีกแล้ว เรามักจะสบายใจเวลาที่ทำความเข้าใจกับตัวเองว่า เราเป็นใคร ทำอะไรอยู่ กำลังจะเดินไปทางไหน หรือ ต้องทำเพื่อใคร
เพราะเราตระหนักแน่นอยู่ในอกนานแล้วว่า ชีวิตนี้ที่เราใช้อยู่จนปัจจุบัน ไม่ได้ใช้เพื่อตัวเราเองเลย ความหมายของชีวิตที่เราหาได้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเราเองสักครั้ง แต่เราก็จำต้องทนอยู่ต่อไปเพื่อคนอื่น คนรอบข้าง คนที่เราต้องให้ความดูแลพวกเขา แต่สำหรับเรา คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่เราจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากใคร และถึงแม้จะมีใครอยากทำแบบนั้น เราคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยความที่มันเป็นเรื่องแปลกมากๆสำหรับเรานั่นเอง
แต่วันนี้ เรากำลังมองหาทางเดินใหม่ๆอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นทางเดินท้ายๆสุดในชีวิตก็เป็นได้ เนื่องจากการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ซึ่งมันต้องอาศัยความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และอดทนต่อปัญหาอุปสรรครอบด้านด้วยตัวเอง ดังนั้นเราจึงค่อนข้างช้าในการตัดสินใจทำอะไรลงไปสักอย่าง บางคนอาจเข้าใจว่า คิดคนเดียว ทำคนเดียวสิ น่าจะเร็วและง่ายกว่า นั่นไม่จริงเสมอไป สำหรับคนที่ตระหนักแน่นอนว่าตัวเองมีเพียงตัวคนเดียวจริงๆ ถ้าคนๆนั้น ถ้าคนนั้นเป็นอย่างเรา เขาคงจะค่อยๆคิดและไม่บุ่มบ่ามตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างแน่ เพราะถ้าเขารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ ยังไงก็จะต้องมีเพียงตัวเองคนเดียวเท่านั้น แล้วใครล่ะ อยากทำพลาด?
แต่ก็นั่นแหละ..ใช่ว่า ตัดสินใจช้า คิดมาก แล้วจะเดินทางถูกเสมอไป มันตัดสินกันยากเหลือเกินที่จะบอกว่า ทางที่เลือกไปถูกหรือผิด แต่สิ่งที่เราสามารถยึดไว้ได้ สิ่งที่เรามั่นใจว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้เรายืนอยู่ได้ มันคือ แค่ความพร้อมยอมที่จะรับและเผชิญกับสิ่งอันจะเกิดจากทางที่ได้เลือก เพราะมั่นใจว่า ถ้าเกิดความลังเล และโทษสิ่งที่ตัวเองเลือกเองขึ้นมาวันใด วันนั้นคงเป็นวันที่เราจะหยุดอยู่กับที่ ไม่มีทางให้ก้าวเดิน หรืออาจจะไม่มีแรงให้ลมหายใจเข้าออกก็เป็นได้
และมันก็เป็นเช่นทุกครั้ง ที่ตัวหนังสือจะเข้ามาอยู่คู่กับความคิด ความรู้สึกของเรา มันมีเพียงทางเดียวที่เราจะสื่อความเข้าใจกับตัวของเราเองได้เป็นอย่างดี และเรามักจะหวังทุกครั้งว่า เราจะได้ความเข้าใจที่มาพร้อมกับทางออกให้เราเลือกเดินไปได้ต่อ
ไม่ว่า..ทางนั้นจะขรุขระ เลวร้าย หรือยากลำบากแค่ไหน แต่ถ้าเราเลือกแล้ว เรามั่นใจว่าความพร้อมยอมรับที่เรามี จะทำให้เราเดินต่อไปได้....
วันเสาร์ที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒
กาเฟ่หาย!
กาเฟ่หายไปจากบ้าน! ยังไม่ตกใจ พยายามทำใจให้สงบและเรียกหา เดินหา ลงไปไล่เรียกหาตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงถนนในซอยเผื่อว่ามันจะเดินสะเปะสะปะไป แต่ยังไงก็ไม่เห็นวี่แววของเจ้ากาเฟ่ตัวแสบเลย ไม่รู้จะไปหาที่ไหนอีกแล้วจนตอนนี้ เกือบ 24 ชม.แล้วที่น้องหายไปจากบ้าน
มันไม่เหมือนจะมีอะไรทำให้กาเฟ่หายไปได้ น้องเขาก็รักบ้าน ไม่กล้าออกไปเที่ยวไหนไกลๆอยู่แล้ว ตอนกลางคืนปกติก็จะเปิดช่องประตูแมวไว้ให้กระโดดออกไปวิ่งเล่นที่ทางเดินหน้าห้อง ทั้งก๋องก๋อยและกาเฟ่ต่างก็ไม่เคยไปไหนไกล อยู่กันแค่หน้าบ้าน เมื่อคืนก็เปิดไว้ตามปกติ น้องเขาก็เล่นซนไปตามธรรมชาติ แต่เสียงเงียบหายไปเมื่อค่อนรุ่ง เราก็หลับๆตื่นๆ ไม่รู้ว่าอยู่ไหน พอก๋อยมาปลุกตอนเช้า เราก็ลุกมาทำอาหารให้ทั้งสองจาน แต่เรียกกาเฟ่เท่าไหร่ ก็ไม่มา คราวนี้เลยมั่นใจว่า ต้องมีใครอุ้มไปแน่ๆ ทำไมถึงอยากได้ของๆคนอื่นกันนักนะ คนพวกนี้เป็นโรคจิตหรือยังไง คนหรือสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเจ้าของ เจ้าของเขาก็ต้องรักต้องหวงมากอยู่แล้ว คนที่สามารถมาแย่งของรักของคนอื่นไปได้เนี่ย จิตใจคงลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุดแค่ระดับฝ่าเท้าได้แค่นั้นเอง !
ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองกาเฟ่ตัวน้อยของแม่ด้วยเถอะ ตอนนี้ฝนเพิ่งจะซาไป เวลาฝนตกหนักทีไร กาเฟ่มักจะกลัวและหาที่หลบเสมอ ถ้าเราอยู่ด้วยก็จะโดดมานั่งบนตักตลอดขอให้กอด แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าลูกแม่จะไปอยู่ที่ไหน ทำยังไงตอนที่ฝนตกหนักลมแรง ขอให้กาเฟ่ของแม่หาทางกลับบ้านเรามาได้โดยเร็วด้วยเถอะนะ แม่คิดถึง...
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
กุ้ยหลินเมืองไทย
วันสุดท้ายที่กุ้ยหลินเมืองไทย เขื่อนรัชชประภา เขาสก จังหวัดสุราษฏ์ธานี ปักษ์ใต้บ้านเรา
เอาวิดิโอนี้มาลง เพราะอยากให้เห็นบรรยากาศโดยรอบของเวิ้งอ่าว ซึ่งไกลสุดลูกหูลูกตา เปรียบได้ดั่งทะเลจริงๆ เพราะน้ำก็ใส มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวเหมือนน้ำทะเล ตอนที่ถ่ายนี้กำลังนั่งชมวิวกันทั้งก๊วน แบกเป้สัมภาระขึ้นเรือเรียบร้อย เพราะพอจบจากชมกุ้ยหลินเราก็ขึ้นฝั่ง นั่งรถตู้กลับกรุงเทพกันเลย
อาจจะมีเสียงประกอบเล็กน้อยจากคนถ่าย หุหุ..มีหลายคนบอกว่าเสียงน่ารักนะจ๊ะ วู้ ฮู้วว...
เป็นไงล่า? สวยงาม สมคำร่ำลือจริงๆใช่ม้า?
อยากไปอีกจัง...
......
เก็บตก ทาร์ซานน้อย
ว่าแล้วก็ลองเอาวีดิโอที่นังเพดมานไม่ได้ตั้งใจถ่ายมาอัดลงในนี้ซะหน่อย
จะได้ยินเสียงมานนับ นึ่ง ส่องงง.. ด้วย ฮี่ๆ แสดงว่านั่นมานกำลังจะถ่ายรูป วะ ฮ่ะ ฮ่า มานกดปุ่มผิดคิดว่าปุ่มวิดิโอเป็นปุ่มถ่ายรูป กรั่กๆๆๆ
แต่ก็พอดีกับที่เจ้าเด็กทาร์ซานน้อยลูกฝรั่งข้างหลังมานกำลังห้อยโหนโจนทะยานเถาวัลย์มาโดดน้ำพอดี เลยได้ดูบรรยากาศโดดน้ำของจริงกันไป
สุขสันต์ สุขสันต์ ....
ปล.จากทริปเขาสก ลำธารน้อยในป่าใหญ่ รีสอร์ทศิลป์ธรรมชาติ
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สงกรานต์ปีวัวบ้า3
วันสุดท้ายแล้วของการท่องเที่ยวทั่วไทยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ประเทศชาติในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและคนตกงาน
สถานการณ์ยามเช้าเมื่อตื่นขึ้นมา เมื่อคืนต้องบอกว่า ตื่นมาระหว่างทางประมาณสี่รอบเห็นจะได้ ไม่ได้เดินทางไปไหนนะ แต่ว่าหมายถึงระยะเวลาตั้งแต่เข้านอนตอนห้าทุ่มจนถึงเช้าตะวันโผล่ยอดเขาเนี่ย หลับเป็นช่วงๆจริงๆ ตอนแรกหลับไปแป๊บสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเจ้าเพด นึกว่ามันทะเลาะกับใคร อุตส่าห์เงี่ยหูฟัง ไหนได้ ตะโกนคุยกับห้องข้างๆ เห่อ.. แล้วยังไม่ทันไร ก็ต้องตื่นเพราะเสียงคนเดิน เสียงคนคุยกัน สุดท้ายเสียงคนกระโดดน้ำกันเลยนั่น โอ๊ย..แม่จ้าว นอนไม่ไหวแล้วเว้ยยยย...
ลุกออกมาก็เห็นภาพตรงหน้าแบบนี้แหละ นั่งอาบน้ำกันหน้ากระท่อมเรียบร้อยเชียว
อาบน้ำแต่งสวยกันเสร็จ แบกเป้ออกมาเตรียมตัว ในระหว่างนั่งรอกินข้าวเช้า ก็หยิบกล้องออกมาแชะๆๆๆกันหน่อย ได้รูประหว่างตะวันกำลังจะโผล่พ้นยอดเขา แสงเงาสวยเชียวล่ะ นางแบบก็ไม่ยอมน้อยหน้ากัน บิดซ้ายบิดขวาสุดๆ โหะๆๆ
ไม่มีคนถ่ายให้ อุตส่าห์ตั้งกล้องไว้ถ่ายเอง แหม..ดันมีนางแบบของคนอื่นเขาเดินเข้ามา เห่อ..เรามันคนไม่สำคัญ แต่แสงตอนนี้สำคัญกว่า สวยเชียว เป็นเส้นส่องตรงลงมาเลย
เลยหันมาอีกมุม คราวนี้ปลอดคน แต่แสงน้อยลงหน่อยแล้ว วันนี้ไม่ค่อยมีหมอกมาก เพราะอากาศมันร้อนแล้วนี่ ไม่เหมือนช่วงหน้าหนาวนะ จะเป็นกุ้ยหลินสมคำล่ำรือจริงแท้แน่นอน คราวนี้ก็ประมาณกุ้ยหลินเวอร์ชั่นร้อนๆไปก่อน
เข้ามาถึงแล้ว กุ้ยหลินเมืองไทย แต่พอเข้ามาแสงหายหมดเลย กลายเป็นเงามืดไปหมด ได้ยินแต่เสียงไกด์บอกว่า ภูเขาสามลูกที่อยู่ข้างหน้าชื่อ เขาสามเกลอ และทางซ้ายสุดชื่อเขากระต่าย เพราะรูปร่างเหมือนกระต่าย อืมมม..พอมองออก
จบทริปเขาสกแต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้วันจันทร์ กลับไปลุยงานกันต่อ ชีวิตต้องเดินต่อไป การเดินทางไม่มีวันสิ้นสุด สู้ สู้
วันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สงกรานต์ปีวัวบ้า2
ตื่นเช้ามาวันที่สองบนบ้านต้นไม้ ทั้งที่ยังสลึมสลือมัวซัวนัยน์ตาอยู่ แต่ก้อต้องฝืนสังขารลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเก็บข้าวของลงกระเป๋า แบกเป้ออกไปกินข้าวเช้าแล้วเดินทางไปกันต่ออีกที่หนึ่ง
ก่อนไปเราก็ชักชวนสมาชิกมาถ่ายภาพหมู่กันซะหน่อย ตากล้องเป็นเจ้าเพดเลยไม่มีหน้ามานในนี้แต่ไม่เป็นไร อยากให้เห็นบรรยากาศโดยรวมของบ้านต้นไม้มากกว่า ตรงนี้เป็นทางเข้ามีป้ายชัดเจนบนหัว
นั่งสัปหงกในรถมาไม่ทันไร ถึงท่าเรือที่เขื่อนอีกแล้ว เรากำลังจะลงเรือหางยาวเพื่อข้ามไปนอนแพในน้ำกัน แพที่เลื่องชื่อของที่นี่เขาชื่อ แพ500ไร่ แต่แพที่เราจะไปพักชื่อ แพเพลินไพร ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ แล้วพอไปเห็นแพ500ไร่แล้ว เราว่าแพเราเก๋กว่าอีก เพราะแพเพลินไพรนี้สร้างอยู่กลางระหว่างสองเกาะเลย ทำให้น้ำใสน่าเล่นมั่กๆ เพราะถึงแม้ด้านบนน้ำจะนิ่งแต่น้ำไม่ขังอยู่ที่แพแน่นอน
อ่า..รูปนี้มีเจ้าเพดแล้วนี่ไง!
ขณะนั่งเรือหางยาว เราก็สอดส่ายสายตาไปรอบๆ เห็นแต่ภูเขาๆๆๆกับน้ำสีเขียวๆ ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่ไม่ใช่ทะเลจริงๆ แต่เป็นน้ำในเขื่อน เพราะกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตาจริงๆ มีเรือหางยาวเท่านั้นที่จะเป็นพาหนะนำนักท่องเที่ยวไปไหนต่อไปในเขื่อนนี้ได้ แต่บางจุดเรือหางยาวก็ผ่านไม่ได้อีกเหมือนกัน ด้วยเหตุผลทางธรรมชาติที่ต้องรักษาสภาพแวดล้อมไว้ บางครั้งเราจึงต้องใช้แพยนต์กันแทน
ตรงนี้เป็นปลายๆเทือกเขาแล้ว ความจริงถ่ายมาเรื่อยแต่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ขี้เกียจมาแต่งภาพอีกต่างหาก ช่างมันเหอะ แค่นี้ก็พอดูได้ เอาให้รู้ว่าไปไหนมาแค่นั้นพอ
ถึงแล้ว แพเพลินไพร ที่พักคืนที่สองของพวกเรา ตรงที่เรายืนถ่ายรูปนี่เป็นจุดกลางระหว่างสองฝั่ง แล้วเขาก็จะมีร้านอาหารอยู่ตรงนี้แหละ คนมาพักที่นี่เขาจะคิดเป็นรายหัวเลย เพื่อสะดวกในการให้บริการเพราะต้องทำอาหารเลี้ยงอยู่แล้ว คุณไม่สามารถเลือกสั่งกินเองได้หรอก ของมันหายากนะ แต่คิดว่าก็ไม่แพงหรอก
ส่วนบ้านเราหรอ? โน่นนน..หลังที่3จากริมสุดนู่นนนน...
ข้ามภูเขามาเสร็จก็ลงแพยนต์ต่อไปอีกหน่อย ตอนนั่งแพยนต์นี่ก็ได้บรรยากาศสนุกไปอีกรูปแบบนะ เพราะมันโล่ง เรียบเหลือหลาย เหมือนเรานั่งไปบนน้ำเลย น้ำก็แทบไม่กระเพื่อมด้วยซ้ำ เจ้าเพดหามุกแปลกมาเล่น นั่งถ่ายรูปดีๆไม่ชอบ มานเล่นนอนถ่าย เสร็จแล้วเอาหัวราน้ำไปเลย ดีนะ..ไม่มีพวกปิรันย่า หรือ อนาคอนด้า เอิ๊กๆๆ
เดินเข้าถ้ำประการังกันต่อ แต่พอมาถึงถ้ำนี้แบตกล้องเราก็หมดพอดี ไม่มีรูปกลับมาเองซ้ากใบ ต้องรอขอจากกล้องคนอื่น ถ้ำนี้สวยนะ ในความเห็นเรา เหมือนถ้ำยังมีชีวิตอยู่เลยอ่ะ หินยังงอกอยู่ทุกวัน น้ำก็ยังมีหยดจากปลายติ่งให้ย้อยลงมางอกที่พี้น รูปร่างของหินก็ดูแปลกตามีชีวิตชีวา มีทั้งผนังที่เหมือนม่านโรงละคอน ด้านหน้าทางเข้าก็เหมือนมีผู้หญิงห่มผ้าสใบยืนอยู่ แถมมองขึ้นด้านบนก็เห็นเป็นหัวเอเลี่ยนห้อยลงมา หันไปข้างฝาอีกด้านก็เหมือนเป็นคนแคระตัวเขียวนั่งอยู่ มีให้จินตนาการตลอดทางเลยว่างั้น คนนำทางและคนเฝ้าดูแลก็เป็นคนของป่าไม้ เขาค่อนข้างดูแลอย่างดีเชียว ดีแล้วล่ะ จะได้เก็บไว้ได้นานๆ
ก่อนเล่นก็มีการให้อาหารคนในน้ำ คุโด้มานทำท่าเหมือนมั่กๆ เสียดายไม่มีรูปในกล้องเรา แต่พอลงน้ำจริงๆ มีความสุขมากเลยอ่ะ น้ำนิ่ง และก็ไม่เย็น อุ่นกำลังดี ไม่เหนื่อยเลยด้วย เพราะถ้าอยู่นิ่งๆ เราก็ไม่โดนพัดไปไหน ที่แพเขายังมีเรือคายัคให้พายเล่นกันอีกต่างหาก หลายคนสนุกสนานพายกันออกไปไกลๆ อย่างเจ้าคุโด้เนี่ยว่ายน้ำไม่เก่งนะ แต่สามารถพายออกไปนอนเล่นกลางน้ำคนเดียวได้ตั้งไกล มันสามารถจริง พอพายไปมา ไม่หนำใจ คว่ำเรือมันซะอย่างนั้น ไม่มีใคร เจ้ากริดนั่นเอง อยากจะขึ้นไปนั่งด้วย แต่เนื่องจากลำตัวที่พองเกินเรือต้าน มันจึงพลิกคว่ำให้ได้หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง งานนี้กว่าจะลากเรือขึ้นแพ เอาน้ำออกได้ เล่นเอาเจ้าเพดกะเจ้ากริดเหนื่อยแฮ่ก 555+
วันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒
สงกรานต์ปีวัวบ้า1
ความจริงเดือนนี้ก็มีดีที่สุดอยู่ตรงที่วันหยุดยาวของคนไทยทั้งประเทศนี่แหละ เทศกาลสงกรานต์งานปีใหม่ไทยนี่ล่ะ ทำให้เราได้มีโอกาสตลุยตลอนไปไหนๆทุกปี ไม่เว้นแม้แต่ปีนี้ที่ตอนแรกคิดว่าคงได้แต่นั่งดูทีวีอยู่กับบ้าน(คนเดียว) แต่ไหนได้ เจ้าเพดกราดมาชวนเอาก่อนไปแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ทำหยั่งกะมันรู้ว่าเราไม่มีที่ไปงั้นแหละ(เออ..ก้อไม่มีจริงๆนี่หว่า) ตกลงใจไปเกือบจะยังไม่วางสายแน่ะ หุหุ ...
ไปไหนหรอ? เขาสก เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎ์ธานี แถบเกาะสมุยนั่นไง แต่ขอบอกว่านี่เป็นครั้งแรกนะ ที่ได้ไปเยือนดินแดนที่กำลังฮอตฮิตในนาม กุ้ยหลินเมืองไทย
ออกเดินทางเย็นวันเสาร์ที่ 11 เมษา เพราะก่อนหน้านั้นคิดว่ารถคงจะติดมากในเย็นวันศุกร์ แต่ไหนได้ คนหายไปไหนกันหมด? อ้อ..หายไปเพราะโจรเสื้อแดงนั่นเอง เพราะพวกมันเริ่มวีรกรรมเยี่ยงโจรออกมารุกล้ำพื้นที่ส่วนรวมของประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเราๆ ไม่ให้มีสิทธิเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เดือดร้อนกันไปทุกเส้นทาง ตั้งแต่วันพฤหัสแล้ว ดังนั้น วันเสาร์จึงค่อนข้างเงียบถึงเงียบมากเลยล่ะ อีกอย่าง ฝนตกทั้งวันเหมือนจะพัดไล่ไอ้พวกห่าให้พ้นไปจากถนนด้วย
แต่พอตกเย็น ฝนก็หยุดสนิท เรานัดกะต้าร์เจอกันที่คาร์ฟูลาดพร้าวเพราะบ้านใกล้กันและได้อาศัยรถต้าร์นั่งไปลงที่ตึกพญาไทเพื่อขึ้นรถตู้ที่จอดรอที่นั่นเลย ประมาณทุ่มครึ่ง ทุกคนก็มากันครบ ได้แก่ ต้าร์ เพด ปลา ดิโอ กริด คุโด้ เรา และก็คู่เพื่อนต้าร์อีกสองคน
เอ้า..ออกเดินทางกันโดยมีไกด์คนสวยแถมน่ารัก ชื่อผึ้ง นำทางไปเร้ย!!!
ระหว่างทางแวะกินข้าวกันที่ร้านข้าวต้มแถวๆจังหวัดเพชรบุรีหน่อย จากนั้นนั่งหลับๆตื่นๆดู"เป็นต่อ"กันจนมาถึงสุราษฎ์เอาตะวันขึ้นพอดี แวะแปรงฟันล้างหน้ากันกินข้าวต้มโจ๊กปากทางเข้าเขื่อน จากนั้นก็นี่เรย..ตามป้าย พอเข้าไปแค่ประมาณ 8 โมงเช้าเท่านั้น แต่แดดแรงยิ่งกว่าเสียงระเบิดในเมืองกรุงอีกแน่ะ ทำเอาเกือบไหม้ ดีนะที่เตรียมตัวไปพร้อม ทั้งหมวก เสื้อคลุม ครีมกันแดด หุหุ (แต่โดนประนามว่ากระเป๋าใหญ่โคดค่ะ)
เดินเล่นกันบนสันเขื่อน รูปนี้เสี่ยงตายปีนออกไปส่องกล้องจากมุมบนสันเขื่อน กะให้เห็นความสูง แต่ไหงออกมาเหมือนเป็นพื้นดินระนาบเดียวกันเรย? เอาเหอะ กล้องเด็กน้อยก็แบบเนี้ย เอาไรมาก แต่สิ่งแรกที่ทุกคนสะดุดก็คือ สีของน้ำซึ่งไม่ใช่น้ำทะเล เพราะไม่เค็ม แต่สีกลับเป็นสีเขียวมรกตเหมือนน้ำทะเลจริงๆ แถมใสสะอาด น่ากระโดดลงไปแช่ทั้งวันด้วย
ตรงนี้เป็นบาร์เบียร์เล็ก เล็กกกก..ซึงต้องปีนขึ้นมานั่งบนต้นไม้ใหญ่จริงๆนะอันนี้ นั่งได้แค่ประมาณไม่เกิน 7-8 คนเห็นจะได้ สำหรับใครที่จะมาบอกรักกันอย่างเป็นธรรมชาติก็น่าจะลองไปดู ไอ้เรามันคนไม่มีคู่จึงได้แต่แอบมองคนอื่นเขาหนุงหนิงกันไป เห่อ...
วันเสาร์ที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒
หลบร้อนที่ภูเก็ต
ดีกรีความร้อนยังคงระอุอยู่รอบกายตลอดเวลา ไม่ว่าจะร้อนด้วยอุณหภูมิ หรือร้อนจากลมปากคนที่พัดพามากระทบ อีกทั้งยังร้อนจากแรงกดดันจากคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นเจ้านาย บังคับขู่เข็ญแถมตะโกนตะคอกใส่สารพัดให้ทำความสำเร็จให้เขาให้ได้
คนธรรมดาๆอย่างเรา มีหรือจะไม่รู้สึกรู้สา เจ็บแสบคันปวดร้อนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่การหาวิธีดับร้อนนี่สิ สำคัญกว่า เพราะถ้าไม่ เราก็คงเกรียมไปนานแล้ว
ชายหาดเกาะพีพีวันนี้เช่นกัน เรียบโล่งขึ้นตั้งเยอะ
เกาะมาหยา ที่แรกที่ลุยน้ำลงไปเล่นกันทั้งชุด
บางทีความร้อน ความเครียด มันก็สามารถละลายหรือโดนฝังลืมไปตอนที่เราเอาตัวลงไปแช่ในน้ำได้เหมือนกันนะ เพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่ามีความสุขลอยอยู่รอบๆตัวจริง ถึงแม้ว่าพอขึ้นมาอยู่คนเดียวแบบเดิมอีก จะเครียดอีกก็ไม่เป็นไร
เพราะถึงแม้จะหนีเท่าไหร่ ก็คงจะหนีไม่พ้น ความร้อนก็ยังคงแผ่ขยายเป็นเงาดำตามติดตัวเราไปทุกที่แหละ คอยแค่จังหวะเวลาที่เหมาะสมค่อยเข้าจู่โจมเท่านั้นเอง
ยิ้มร่าได้วันหนึ่งเต็มๆ แค่นี้ก็พอแล้วล่ะสำหรับความสุข
อยากจะคิดว่า ถ้าวันนั้นเราหมดลมหายใจไปแล้ว วันนี้เรายังจะมีรอยยิ้มแบบวันนี้ได้หรือ? ไม่แน่นอน ถามอะไรโง่ๆ เพราะฉะนั้น มีวันนี้แบบนี้ ก็ดีแค่ไหนแล้ว จะเอาอะไรมากมายกับชีวิต มีอยู่เท่าไหร่ ถ้าไม่อยากได้เพิ่มมากขึ้น ก็จะยังเก็บความสุขนั้นอยู่ได้ตลอดนะ ลองคิดดู
ไม่ลืมที่จะขอบคุณก๊วนน้องๆครอบครัวเบบี้แอนด์ขนุนอันแสนน่ารัก ประกอบไปด้วย เบบี้ ขนุน จีจี้ โจโจ้ และเมย์ น้องๆน่ารักเป็นกันเองเหมือนเจ๊เป็นคนในครอบครัวอย่างเนียน ขอบคุณจริงๆจ้า ...
ตอนนี้กลับมาลุยงานและรับภาระหน้าที่ พร้อมเผชิญปัญหาอันไม่คาดคิดต่อไป ชีวิตยังไม่จบสิ้น มันก็ต้องเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลานี่นา เรื่องจริงที่สุดแล้ว
พร้อมค่ะ..ว่ามาเลย ปัญหาทั้งหลาย!!!
วันศุกร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒
ซีรีย์ในดวงใจ
เราเองก็ใช่เล่น เพราะเวลาที่ว่างแล้วต้องอยู่คนเดียวเป็นเหตุ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ดูแค่ตอนที่มีเวลาดู ไม่ได้สรรหาจะเอามาดู แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้วนี่สิ
เพราะว่า ตอนนี้เราต้องสรรหาไปสั่งซื้อซีรีย์เรื่องดังๆ มาจากร้านอัดซึ่งได้รายชื่อจากเวบโฆษณาต่างๆ ซึ่งเสี่ยงกับการโดนหลอกให้โอนเงินไปเฉยๆแล้วไม่ส่งหนังมาให้ แต่เราอาศัยลูกจิก ตามตลอด แค่สองวันหลังจากโอนตังค์ไป เราจึงได้หนังมาดู 24 แผ่น เต็มอิ่ม ฮ่า...
ที่บอกว่า 24 แผ่นเนี่ย ขออธิบายแนวก่อน เพราะว่าไม่ได้บ้าแต่เกาหลีเหมือนชาวบ้านเขา ความจริงเราชอบซีรีย์ฝรั่งมากกว่า เหตุผลเพราะเวลาดูหนังต่างภาษา ไม่ชอบฟังคนไทยพากษ์เสียง เขาก็พากษ์สนุกดีหรอกนะ แต่อยากได้อรรถรสมากกว่าอ่ะ เลยนิยมภาษาที่เราคุ้นก่อน ก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษสิเนอะ
และเรื่องที่อยากดูๆๆๆๆๆๆๆ รอคอยด้วยใจจดจ่อสุดๆๆๆๆ จะหนีเรื่องนี้ไปไม่ได้ HEROES ใครรู้จักยกมือขึ้น!!!
ไม่เป็นไร คร่าวๆก็ตามชื่อเรื่องแหละ เพราะเขาจะขนบรรดามนุษย์พิเศษมาแสดงความสามารถที่ไม่เหมือนกันเลยซักคนให้เราดู แต่ความน่าสนใจมันอยู่ที่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ธรรมดาๆเหมือนเราเนี่ยแหละ เกือบทุกคนไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองมีความพิเศษจนกว่าจะโต อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้เป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ดังนั้น อย่าคิดไปถึงว่าจะต้องแปลงร่างได้ ไม่ใช่ขนาดน้าน
เรื่องราวมันสนุกตรงที่การเป็นมนุษย์ธรรมดาแต่มีความพิเศษของพวกเขาเนี่ยแหละ มันทำให้พวกเขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองและคนอื่น เช่น โลภ โกรธ หลง บ้าอำนาจ รัก และอื่นๆอีกมากมาย โอ๊ย..สารยายไม่หมด รู้แต่เพียง มันส์พะยะค่า ...
ยังมีอีกเรื่อง ซึ่งให้เป็นอันดับสอง รอดูฮีโร่หมดก่อนเพราะตอนนี้ซื้อมาแค่สองซีซั่นเท่านั้น รอซีซั่นสามเรียบร้อยค่อยซื้อมาเพิ่ม อีกเรื่องที่ว่า คือ Prison Break เนี่ยก็มันส์ พระเอกเท่ห์ค่อดๆๆ ฮี่ ...
พอเพื่อนเราอีกคน รู้ข่าวว่าเราติดหนังซีรีย์เหมือนกัน คราวนี้มันดีใจใหญ่ ขนซีรีย์เกาหลีที่มันดูแล้วเป็นกอง มาให้เราดูเพิ่มอีก เอ้า..เอากันๆ ดูกันให้ตาแฉะ ตาเยิ้ม ไปเร้ย ... เย้ !!!
ใครมีซีรีย์ในดวงใจเรื่องอะไรมั่งอ่า???
วันอังคารที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒
ร้อนแล้วจ้า
มาคราวนี้ไม่ได้มาแบบเล็กน้อย ลมร้อนเพิ่งพัดมาแค่อาทิตย์กว่า เล่นไปซะ 38 องศาเซนเซียสโน่น โอ้ว..แม่จ้าว จะร้อนไปถึงไหนกันเนี่ย ไม่อยากจินตนาการว่าเดือนเมษามันจะร้อนได้ใจไปไหนต่อไหนกันว้อย
ในขณะที่อีกซีกโลกหนึ่ง บ้านเพื่อนเราที่เยอรมัน แป้งยังบ่นอยู่แหงมๆว่า หิมะแมร่งก้อตกเอา ตกเอา เออ..ดูเขาดิ โลกนี้มันลำเอียงกันเห็นๆเลยนะ จะเอาให้มันใกล้เคียงกันหน่อยก้อไม่ได้ อย่างน้อยๆ เอาให้ที่นี่ซัก 25 องศาก็พอ แหมๆๆๆๆ
ยิ่งอากาศร้อนๆ ยิ่งทำให้เรานอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็ประสบปัญหาการนอนไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยสาเหตุหลายประการ อาทิ..
- ยุงตัวร้ายๆๆๆๆๆๆ บินวนเวียน เที่ยวไล่กัดๆๆๆๆจนหน้าตาขาแข้งบวมปูดอยู่บ่อยๆ
- เจ้ากาเฟ่ตัวแสบๆๆๆๆ วิ่งๆๆๆๆๆๆ กระโดดท้างคืน ไม่ได้หยุดได้หย่อน แถมยังร้องโหยหวนประสานเสียงกับเจ้าก๋องก๋อยอีกต่างหากในบางคืน มีอีกแน่ะ .. บางคืนหนักหน่อย ก็กระโดดขึ้นมาเล่นแขน เล่นขาแม่มัน เห่อ..
อย่างงี้จะไม่ให้อิช้านบ่นยังไงไหว คุณขรา ...
วันจันทร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒
สมาชิกใหม่
ทั่นผู้มีอุปการะคุณ ขอเชิญพบกับ เด็กชายกาเฟ่ ได้เรยค้าบบบ...
รูปนี้ถ่ายวันที่สองหลังจากที่ไปรับมาเรย น้องกาเฟ่เพิ่งจะสองเดือนย่างสามเดือนเอง ตัวยังเล็กจ้อยร้อยอยู่ ที่มาของกาเฟ่ก็คือเราไปด้อมๆมองๆหาเอาในเวบพันทิพย์ มีแมวหาบ้านเยอะแยะในนั้น อยากจะรับมาเลี้ยงหมดทุกตัวเรย แต่ไม่มีที่จะให้อยู่เหมือนกัน มองไปมองมา ก็ไปเจอสมาชิกกลุ่มนี้ เขามีพี่น้องอยู่ 5 ตัว ตอนแรกก็ไม่รู้จะเลือกตัวไหนหรอกนะ ลองไปเจอตัวเป็นๆก่อนแล้วกัน ใครสนใจอยากมาอยู่ด้วย จะได้รู้กันเองล่ะ
วันอังคารที่ 27 มกราคม หลังจากขับรถกลับมาจากโคราช แวะไปทำงาน เสร็จตอนเย็นก็ยังมีแรงขับไปดูตัวกาเฟถึงที่บ้านแถวท่าพระ ฝั่งธนฯโน่น บ้านนั้นมีแมวอยู่เยอะมาก คุณยายที่เลี้ยงแมวก็ท่าทางรักพวกมันทุกตัว เสียแต่ยายแก่แล้ว ไม่ค่อยมีแรงเลี้ยงเท่าไหร่ จึงอยากให้ได้ไปอยู่กับคนที่มีแรงมากกว่า
ต้องซักผ้าปูที่นอน ผ้านวม หลายผืนเชียว สุดท้ายหาวิธีได้ จับใส่ห้องน้ำซะเรย ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยไว้ใจ ถึงแม้จะอยู่มาแล้ว 2 อาทิตย์(ครบพุ่งนี้) ยังต้องจับใส่ห้องน้ำอยุ่ช่วงเช้ามืด ทำให้เราต้องตื่นมาตอนกลางคืนเป็นระยะๆก็เพราะแบบนี้แหละ เหมือนมีลูกเล็กเรยอ่ะ
ดูหูสิ! หูตั้งยาว ขาแข้งก็ยาวเพรียว ดูๆไปเหมือนแมวอียิปเรยอ่ะ เราคงเคยทำบุญด้วยกันมาเนอะ กาเฟ่ ไม่งั้นคงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันหรอก
แล้วป๋มจะกลับมาโชว์ตัวใหม่ ในเร็ววันนี้ค้าบบบบ....